ในวันที่อายุเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ การวางแผนชีวิตเป็นสิ่งสำคัญที่หลายคนอาจมองข้าม โดยเฉพาะเมื่อพูดถึงการส่งต่อทรัพย์สินและความมั่นคงให้กับคนรุ่นหลัง ที่สามารถส่งต่อให้ลูกหลานได้อย่างหมดห่วงเพียงแค่เลือกใช้วิธีที่ถูกต้องและเหมาะสม
รู้จักการส่งต่อทรัพย์สิน ด้วยประกันชีวิตคืออะไร?
ประกันชีวิตที่ออกแบบความคุ้มครองและวงเงินประกันมาเพื่อตอบโจทย์กลุ่มคนที่วางแผนชีวิตไว้เผื่อคนข้างหลัง ด้วยเงินก้อนจากประกันชีวิต ที่จะเป็นเหมือนทรัพย์สินส่งต่อให้กับผู้ที่ต้องการให้รับผลประโยชน์ พร้อมกับรับความคุ้มครองจากประกันชีวิตตามปกติ
ประโยชน์ของการส่งต่อทรัพย์สินด้วยประกันชีวิต
– หนึ่งในวิธีการวางแผนภาษีสำหรับส่งต่อทรัพย์สิน สำหรับการส่งต่อทรัพย์สินในรูปแบบประกันชีวิตเป็นอีกทางเลือกที่ผู้มีทรัพย์สินส่วนใหญ่เลือกทำ เพราะเงินผลประโยชน์ที่ได้จากการเสียชีวิตของผู้เอาประกันนั้น เมื่อถูกส่งต่อให้ทางครอบครัว ผู้รับประโยชน์ ที่ผู้เอาประกันระบุไว้สามารถรับผลประโยชน์ได้โดยไม่เสียภาษีส่วนบุคคลและภาษีทรัพย์สิน
– สร้างทรัพย์สินหลักล้าน การเลือกประกันชีวิตเพื่อใช้เป็นทรัพย์สินที่ให้ความคุ้มครอง กรณีเสียชีวิตหลักล้าน แต่สามารถจ่ายเบี้ยประกันภัยเบา ๆ และรับความคุ้มครองเพื่อส่งต่อเป็นทรัพย์สินให้กับคนที่เรารักได้ในวันที่เกิดเหตุไม่คาดคิด
– ไม่โดนเจ้าหนี้ฟ้องร้องหนี้สิน เงินสินไหมจากประกัน ถือเป็นทรัพย์สินที่อยู่ในสิทธิของผู้รับประโยชน์ ซึ่งไม่เกี่ยวกับหนี้สินของผู้เสียชีวิต เพราะเงินสินไหมจากประกันชีวิตไม่ใช่ทรัพย์ที่มีอยู่ก่อนหรือขณะที่ผู้เสียชีวิตถึงแก่ความตาย ด้วยเหตุนี้ เจ้าหนี้ของผู้เสียชีวิต (ผู้เอาประกัน) จึงไม่สามารถฟ้องร้องเพื่อทวงคืนหนี้สินจากเงินสินไหมก้อนนี้ได้
– เลือกผู้รับประโยชน์ได้ ผู้เอาประกันสามารถเลือกและกำหนดผู้รับผลประโยชน์ได้ตามที่ต้องการ โดยสามารถเป็นบุคคลใดก็ได้ เช่น ทายาท, บุพการี, คู่สมรส, พี่-น้อง, เครือญาติ หรือต้องการมอบเงินให้องค์กรการกุศล ก็ทำได้เช่นกัน

3 ขั้นตอน วางแผนทรัพย์สินฉบับมือใหม่
1. สำรวจทรัพย์สินปัจจุบัน ติดตามทรัพย์สินและหนี้สินของเราที่กระจัดกระจายอยู่ตามแหล่งต่าง ๆ ให้มารวมอยู่แหล่งเดียวกัน โดยการจดบันทึกไว้ว่าเรามีทรัพย์สินและหนี้สินอะไร เป็นจำนวนเท่าไหร่ อยู่ที่ไหน เพื่อให้เป็นระบบระเบียบและสะดวกตอนทำพินัยกรรมมากยิ่งขึ้น
2. ทำพินัยกรรม เพื่อให้แน่ใจว่าทรัพย์สินจะถูกส่งต่อไปยังบุคคลที่เราต้องการมอบให้อย่างแน่นอนและครบถ้วน อย่าลืมบอกให้คู่สมรสหรือบุคคลใกล้ชิดที่ไว้ใจได้ ให้ทราบว่ามีการทำพินัยกรรมเอาไว้เรียบร้อยแล้วเมื่อใด และเก็บไว้ที่ไหน เพื่อให้มีผู้รับทราบและนำพินัยกรรมกับเอกสารต่าง ๆ มาดำเนินการต่อไป
3. วางแผนภาษีทรัพย์สิน สิ่งที่ไม่ควรมองข้ามเมื่อเตรียมทำพินัยกรรม ก็คือเรื่องของภาษีทรัพย์สิน ผู้ที่จะรับทรัพย์สินรวมถึงเจ้าของทรัพย์สินเอง ก็ควรศึกษาข้อมูล และทำความเข้าใจเกี่ยวกับกฎหมายภาษีทรัพย์สิน และภาษีการให้ และสำรวจจากรายการทรัพย์สินที่มีว่ารายการไหนบ้างที่ต้องถูกนำไปคำนวณเพื่อจ่ายภาษีทรัพย์สิน
การวางแผนชีวิตด้วยประกันไม่ใช่เพียงการจัดการทรัพย์สินอย่างเป็นระบบ แต่เป็นการมอบความสบายใจและอนาคตที่มั่นคงให้กับครอบครัวและคนที่รัก การเริ่มต้นเตรียมตัวตั้งแต่วันนี้คือการแสดงความรักและความรับผิดชอบที่มีต่อคนข้างหลัง ซึ่งจะทำให้พวกเขามีโอกาสใช้ชีวิตอย่างเต็มที่ และมีคุณภาพชีวิตที่ดี แม้ในวันที่เราจากไป
แนะนำ AIA Legacy Prestige Plus (Non Par) ประกันที่มอบทั้งความคุ้มครองชีวิต และการส่งต่อผลประโยชน์ให้เป็นทรัพย์สินแก่ครอบครัว ด้วยจำนวนเงินเอาประกันภัยขั้นต่ำเริ่มต้น 10 ล้านบาท ซึ่งหมายความว่าหากเกิดเหตุไม่คาดฝันกับคุณ ผู้ที่คุณระบุชื่อไว้ในกรมธรรม์ให้เป็นผู้รับประโยชน์ก็จะได้รับจำนวนเงินเอาประกันภัยในส่วนนี้ไปแทนคุณนั่นเอง
– เลือกชำระเบี้ยฯ ได้ถึง 3 แบบ ตั้งแต่ 10 ปี 15 ปี และ 20 ปี พร้อมคุ้มครองยาวตลอดชีวิต (ถึงอายุครบ 99 ปี)
– หายห่วง เมื่อเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิด หากถูกวินิจฉัยหรือตรวจพบจากแพทย์ว่าเจ็บป่วยเป็นโรคร้ายแรง (WPCI) จากจำนวน 44 โรค/ การรักษา ระหว่างสัญญา ก็สามารถยกเว้นการชำระเบี้ยประกันภัยที่เหลืออยู่ได้
– รับเงินสูงสุดถึง 90%¹ หากอยู่ในภาวะเจ็บป่วยระยะสุดท้าย² โดยไม่ต้องรอเสียชีวิต
สนใจทำประกัน AIA Legacy Prestige Plus (Non Par) กดติดต่อกลับเพื่อกรอกแบบฟอร์ม ให้ตัวแทนแนะนำแบบประกันที่เหมาะกับคุณ
¹ผลประโยชน์ภาวะเจ็บป่วยระยะสุดท้าย (TI) จำนวนเงินเอาประกันภัยภาวะเจ็บป่วยระยะสุดท้าย คิดเป็นสัดส่วนสูงสุดร้อยละ 90 ของจำนวนเงินเอาประกันภัย บริษัทจะจ่ายผลประโยชน์นี้จากการคำนวณจำนวนเงินเอาประกันภัยภาวะเจ็บป่วยระยะสุดท้าย หารด้วยจำนวนเงินเอาประกันภัยหลัก และคูณด้วยผลประโยชน์กรณีเสียชีวิต
²ภาวะเจ็บป่วยระยะสุดท้าย หมายถึง ผลสรุปการวินิจฉัยโรคหรือการบาดเจ็บที่รุนแรงจนไม่สามารถรักษาให้หายได้ และมีลักษณะดังต่อไปนี้ครบทุกข้อ
1. ต้องได้รับการวินิจฉัยจากแพทย์ และแพทย์ไม่มีแผนการรักษาเฉพาะสำหรับโรคหรือการบาดเจ็บนั้นๆ อีกต่อไป
2. การรักษามีเพียงบรรเทาอาการปวด หรือการรักษาแบบประคับประคองตามอาการในช่วงระยะสุดท้ายของชีวิต
3. ได้รับการประเมินว่าจะเสียชีวิตภายในสิบสอง (12) เดือน นับตั้งแต่วันที่ได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
หมายเหตุ
– ข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครองจะระบุไว้ในกรมธรรม์ประกันภัยที่ออกให้กับผู้ถือกรมธรรม์
– ผู้ขอเอาประกันภัยควรศึกษาทำความเข้าใจรายละเอียดข้อกำหนดและเงื่อนไขของความคุ้มครอง รวมทั้งข้อยกเว้นไม่คุ้มครอง ของผลิตภัณฑ์ประกันภัย และเงื่อนไขที่เอไอเอประกาศ ก่อนตัดสินใจทำประกันภัยทุกครั้ง
รวบรวมข้อมูลโดย เอไอเอ ประเทศไทยเอไอเอ เพรสทีจ